ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ



welcome
รวมบทความเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ
เกร็ดความรู้สุขภาพ
สาระสุขภาพ เคล็ดลับการดูแลสุขภาพ มีทั้งบทความสุขภาพผู้หญิงและสุขภาพผู้ชาย อ่านได้ที่นี่

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2562


ความหมายสุขภาพ (Health)
สุขภาพหมายถึง"ความสุขปราศจากโรค ความสบาย" (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2525)
สุขภาพ หมายถึง ภาวะแห่งความสมบูรณ์ของร่างกาย จิตใจ และการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมด้วยดี ไม่ใช่เพียงแต่ความปราศจากโรค หรือทุพพลภาพเท่านั้น (Health is defined as a state complete physical, mental and social well-being and merely the absence of disease infirmity : World Health Organazation - WHO (องค์การอนามัยโลก) , 2491)

สุขภาพจึงมีความหมายที่เน้นความเป็นอยู่ที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม นั่นคือ ต้องมีสุขภาพกาย สุขภาพจิต และสุขภาพทางสังคมครบทุกด้าน และในที่ประชุมสมัชชาองค์การอนามัยโลก เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2541 ได้ตกลงเติมคำว่า “Spiritual Well-being” หรือสุขภาวะทางจิตวิญญาณเข้าไป ในคำจำกัดความของสุขภาพเพิ่มเติม จึงอาจกล่าวได้ว่า สุขภาพ หมายถึง ภาวะของการดำรงชีวิตที่มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ รวมทั้งการอยู่ร่วมกันในสังคมได้ด้วยดี อยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม และการใช้สติปัญญา


ในอดีตคำว่า สุขภาพ หมายถึง สุขภาพกายเป็นหลัก ต่อมาจึงได้รวมสุขภาพจิตเข้าไปด้วย เพราะเห็นว่าคนที่มีสุขภาพกายสมบูรณ์แข็งแรง แต่สุขภาพจิตเสื่อมโทรมหรือเป็นโรคจิตก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตเป็นปกติสุขได้ ซ้ำร้ายอาจจะทำร้ายผู้อื่นได้อีกด้วย ปัจจุบัน คำว่า สุขภาพ มิได้หมายความเฉพาะสุขภาพกายและสุขภาพจิตเท่านั้น แต่ยังได้รวมถึงสุขภาพสังคม และสุขภาพจิตวิญญาณอีกด้วย จึงสามารถสรุปได้ว่าในความหมายของ "สุขภาพ" ในปัจจุบัน มีองค์ประกอบ 4 ส่วน ด้วยกันคือ


1. สุขภาพกาย (Physical Health) หมายถึง สภาพที่ดีของร่างกาย กล่าวคือ อวัยวะต่างๆอยู่ในสภาพที่ดี มีความแข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ และมีความสัมพันธ์กับทุกส่วนเป็นอย่างดี และก่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีในการทำงาน


2. สุขภาพจิต (Mental Health) หมายถึง สภาพของจิตใจที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ มีจิตใจเบิกบานแจ่มใส มิให้เกิดความคับข้องใจหรือขัดแย้งในจิตใจ สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีความสุข สามารถควบคุมอารมณ์ได้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้มีสุขภาพจิตดี ย่อมมีผลมาจากสุขภาพกายดีด้วย ดังที่ John Lock ได้กล่าวไว้ว่า “A Sound mind is in a sound body” คือ “จิตใจที่แจ่มใส ย่อมอยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์”


3. สุขภาพสังคม (Social Health) หมายถึง บุคคลที่มีสภาวะทางกายและจิตใจที่สุขสมบูรณ์ มีสภาพของความเป็นอยู่หรือการดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข ไม่ทำให้ผู้อื่น หรือสังคมเดือดร้อน สามารถปฏิสัมพันธ์และปรับตัวให้อยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดีและมีความสุข


4. สุขภาพจิตวิญญาณ (Spiritual Health) หมายถึง สภาวะที่ดีของปัญญาที่มีความรู้ทั่ว รู้เท่าทันและความเข้าใจอย่างแยกได้ในเหตุผลแห่งความดีความชั่ว ความมีประโยชน์และความมีโทษ ซึ่งนำไปสู่ความมีจิตอันดีงามและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่


ในองค์ประกอบสุขภาพทั้ง 4 ด้านนั้น แต่ละด้านยังมี 4 มิติ ดังนี้


1. การส่งเสริมสุขภาพ เป็นกลไกการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพสังคม และสุขภาพจิตวิญญาณ


2. การป้องกันโรค ได้แก่ มาตรการลดความเสี่ยงในการเกิดโรค รวมทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะโรค ด้วยวิธีการต่างๆ นานา เพื่อมิให้เกิดโรคกาย โรคจิต โรคสังคม และโรคจิตวิญญาณ


3. การรักษาโรค เมื่อเกิดโรคขึ้นแล้ว เราต้องเร่งวินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคอะไร แล้วรีบให้การรักษาด้วยวิธีที่ได้ผลดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดเท่าที่มนุษย์จะรู้และสามารถให้การบริการรักษาได้ เพื่อลดความเสียหายแก่สุขภาพ หรือแม้แต่เพื่อป้องกันมิให้เสียชีวิต


4. การฟื้นฟูสภาพ หลายโรคเมื่อเป็นแล้วก็อาจเกิดความเสียหายต่อการทำงานของระบบอวัยวะหรือทำให้พิการ จึงต้องเริ่มมาตรการฟื้นฟูให้กลับมามีสภาพใกล้เคียงปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้


ทั้ง (1) การส่งเสริมสุขภาพ และ (2) การป้องกันโรคนี้ เราเรียกรวมกันว่า "การสร้างสุขภาพ" เป็นการทำก่อนเกิดโรค ส่วน (3) การรักษาโรค และ (4) การฟื้นฟูสภาพนี้ เราเรียกรวมกันว่า "การซ่อมสุขภาพ" เป็นการทำหลังจากเกิดโรคแล้ว และเป็นที่เชื่อกันว่า "การสร้างสุขภาพ" มีประสิทธิผลดีกว่า และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า "การซ่อมสุขภาพ" เนื่องจาก "การสร้างสุขภาพ" เป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ส่วน "การซ่อมสุขภาพ" ต้องอาศัยหน่วยงานด้านการแพทย์เป็นหลัก


แม้ว่าสุขภาพโดยองค์รวมแล้วจะเป็นภาวะของมนุษย์ที่เชื่อมโยงกันทั้ง ทางกาย ทางจิต ทางปัญญา และทางสังคม แต่ในเรื่องของสถิติสาขาสุขภาพนั้น มีข้อจำกัดในการศึกษาทำให้ในขั้นต้นจะกล่าวถึงเฉพาะสุขภาพทางกาย และสุขภาพทางจิต เท่านั้น

ความสำคัญของสุขภาพ 

สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นยิ่งต่อความเจริญงอกงามและพัฒนาการทุก ๆ ด้านในตัวบุคคล สุขภาพเป็นรากฐานที่สำคัญของชีวิต โดยเริ่มมาตั้งแต่มีการปฏิสนธิในครรภ์มารดาวัยทารก วัยผู้ใหญ่จนถึงวัยชรา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เป็นพระพุทธสุภาษิตว่า “อโรคยา ปรมาลาภา” ซึ่งแปลว่า “ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” พระพุทธภาษิตข้อนี้ แม้แต่ชาวอารยประเทศทางตะวันตกก็ยังยอมรับนับถือกัน และเห็นพ้องต้องกันว่า “สุขภาพคือพรอันประเสริฐสุด (Health is the greatest blessing of all)” นอกจากนี้ยังมีสุภาษิตของชาวอาหรับโบราณกล่าวไว้ว่า “คนที่มีสุขภาพดีคือคนที่มีความหวัง และคนที่มีความหวังคือคนที่มีทุกสิ่งทุกอย่าง (He who has health has hope and he who has hope has everything)” ซึ่งนั่นก็หมายความว่าสุขภาพจะเป็นเสมือนหนึ่งวิถีทางหรือหนทางซึ่งจะนำบุคคลไปสู่ความสุขและความสำเร็จต่างๆ นานาได้

ชีวิตเป็นสิ่งมีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินใด ๆ ทุกคนย่อมรักษาและหวงแหนชีวิตของตนเอง ปรารถนาให้ตนเองมีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุข จึงจำเป็นต้องรักษาสุขภาพอนามัยให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ การมีสุขภาพดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บหรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุต่าง ๆ มีกล้ามเนื้อที่ทำงานได้ดี สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี ไม่มีความวิตกกังวล ไม่ถูกความเครียดมารบกวน สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ย่อมเป็นสิ่งที่ปรารถนาของมนุษย์ทุกคน สุขภาพจึงเปรียบเสมือนวิถีแห่งชีวิต ที่จะนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จต่างๆ ในชีวิตได้


ประสิทธิภาพในการทำงานของประชาชนในทุกสาขาอาชีพจะต้องอาศัยสุขภาพที่ดี แข็งแรงสมบูรณ์เป็นปัจจัยสำคัญ การพัฒนาประเทศจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับสุขภาพที่ดีของคนในชาติเป็นสำคัญ ประเทศที่ประชาชนมีสุขภาพดี มีสติปัญญา มีคุณธรรมและจริยธรรม มีความสามารถในการประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ไม่เบียดเบียนและทำร้ายซึ่งกันและกัน ย่อมเกิดความสงบสุข และเมื่อบุคคลในชาติมีสุขภาพกายและจิตดี มีมันสมองที่มีศักยภาพ ย่อมเป็นผู้ที่มีความสามารถเรียนรู้ และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวม


กรอบความคิดเรื่องสุขภาพในปัจจุบันวางอยู่บนฐานที่ว่าด้วยเรื่อง สุขภาวะ (well-being) ทั้งมิติ ทางกาย ทางใจ ทางสังคม และทางปัญญา (จิตวิญญาณ)และทั้งมิติของคน ครอบครัว ชุมชน และสังคม ดังนั้นสุขภาพมีผลกระทบมาจากหลายปัจจัย จึงต้องให้ความสำคัญกับองค์ความรู้ ทั้งเรื่องของการดำเนินงานทางสาธารณสุข การจัดบริการสาธารณสุข และเรื่องต่างๆ ที่ปรากฏในสังคม เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางตรง และทางอ้อม ทั้งด้านบวก และด้านลบ องค์ความรู้เพื่อการพัฒนาสุขภาพและระบบสุขภาพจึงไม่ใช่เรื่องของระบบการแพทย์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องความร่วมมือกันของสังคม ที่จะมาร่วมสร้างค่านิยมที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย และเอื้อต่อการมีสุขภาพดี ร่วมสร้างวัฒนธรรมของการดำเนินชีวิตที่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น และร่วมกันสร้างสังคม ที่อยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข

“สุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง”

ประโยคนี้ยังคงเป็นความจริงเสมอมา เพราะถึงเราจะมีเงินจำนวนมากมายมหาศาลแต่ถ้าเราไม่รู้จักออกกำลังกายหรือคุมอาหาร ร่างกายเราก็ไม่มีทางที่จะมีสุขภาพดีได้ซึ่งก็คงมีคำถามว่าทำยังไงถึงจะสุขภาพดีล่ะ หลายๆ คนคงคิดว่าอกกำลังกายมากๆ คุมอาหารให้เคร่งครัดนั่นก็เพียงพอต่อสุขภาพดีแล้ว แต่การทำอะไรที่มากเกินไปมันก็มีผลเสียเหมือนกันและบางสัญญาณที่คุณไม่คาดคิดว่าจะสุขภาพดีกลับเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงสุขภาพดี
8 สัญญาณที่บ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี ถึงแม้ว่าคุณจะไม่คาดว่ามันจะดี
1. คุณจะกินแค่เวลาที่คุณหิวและจะไม่กินมากเกินไป

2. อาหารที่คุณกินเป็นอาหารที่ดี
3. คุณจะกินให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ

4. คุณสามารถขึ้นบันไดแล้วไม่หอบได้
5. คุณมีอารมณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่โศกเศร้าไปถึงตื่นเต้นดีใจ


6. คุณสามารถตื่นเช้าได้โดยที่ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก

7. คุณไม่ได้หลับในทันที

8. คุณจะเหลือพลังงานที่พอจะทำสิ่งที่ชอบในเวลาหลังเลิกงาน
ที่มา : https://www.catdumb.com/8-signs-that-you-are-healthy-174/

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562

เตือนภัยก่อนเกิดโรคร้าย
กิจวัตรสร้างสุขภาพดี
หยุดพฤติกรรมเสี่ยงๆ.



หยุดพฤติกรรมเสี่ยงๆ.
 
เพราะความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดผลเสียระยะยาวเลยล่ะ แล้วอะไรที่ทำซ้ำๆ ก็เป็นหนึ่งในปัญหาทางจิตใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องโดยตรง เริ่มทำตามเป้าหมายนี้ด้วย
ออกกำลังกายอาทิตย์ละหลายครั้ง.

พักผ่อนให้พอในยามค่ำคืน. 
เรียนทำอาหาร.

รักษาความสะอาดส่วนตัว.
เสริมระบบภูมิคุ้มกัน.





ออกกำลังกายอาทิตย์ละหลายครั้ง.
 เราเน้นเรื่องการออกกำลังกายไปแล้ว แต่มาทำให้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้กันเถอะ โดยใส่มันเข้าไปในกิจวัตรประจำวันหรือประจำสัปดาห์ เพราะมันช่วยทั้งเพิ่มระดับการเผาผลาญพลังงาน ควบคุมน้ำหนัก แล้วยังทำให้รู้สึกสดชื่นไปตลอดทั้งสัปดาห์อีก เรียกว่าได้โชค 3 ชั้นเลยทีเดียว



พักผ่อนให้พอในยามค่ำคืน. 

เมื่อหลับร่างกายจะผลิตเซลล์ที่สู้กับโรค การอักเสบ และความเครียดขึ้นมา นั่นหมายถึงการนอนน้อยหรือการนอนแบบไร้คุณภาพ ไม่เพียงแต่จะทำให้ป่วยง่าย แต่ยังหายช้าอีกด้วยนะ ดังนั้นคิดซะว่าถึงไม่ได้หลับเพื่อตัวเอง ก็หลับเพื่อสุขภาพ



เรียนทำอาหาร.

การทำกับข้าวกินเองเป็นประสบการณ์สุดแสนวิเศษที่ต้องลองเอง เป็นการลองสูตรใหม่ๆ แล้วก็ประหยัดเงินได้ด้วยในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมสิ่งที่จะเอาเข้าไปในร่างกายได้อีกด้วย และมันเป็นทางเดียวที่จะควบคุมอาหารต่อไปได้




รักษาความสะอาดส่วนตัว.

ล้างมือให้บ่อย โดยเฉพาะหลังจากเข้าห้องห้องน้ำทั้งในบ้านและที่สาธารณะต่างๆ เพราะเชื้อโรคน่ะลุกลามได้เหมือนไฟป่าเลยล่ะ แถมยังทำลายเราได้ในพริบตาด้วย แต่ถ้ายังไม่สะอาดอีก คราวนี้ก็ต้องอาบน้ำแล้วล่ะ



เสริมระบบภูมิคุ้มกัน.

 การรักษานิสัยรักสุขภาพและพลังงานอันเต็มเปี่ยมไว้นั้น ยากสำหรับคนที่มักจะทำงานหนัก เป็นหวัด ติดเชื้อ หรือมีผลอื่นๆ ต่อระบบภูมิคุ้มกัน


ที่มา : https://th.wikihow.com
อารมณ์ดีสุขภาพดี
สร้างสรรค์.
คิดบวก. 


คิดเล็ก
พักซะบ้าง.
เลือกเพื่อนอย่างฉลาด. 
หาจุดที่พอดีของอารมณ์


























จัดการกับความเครียด. 
พึงพอใจ.









  • คิดบวก. จิตใจของเรามีพลังเหนือทุกสิ่งในชีวิตเลยล่ะ เพราะการมองโลกในแง่ดีง่ายๆ สามารถเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาสได้เลย แล้วยังไม่ใช่แค่ทำให้รักตัวเองมากขึ้นนะ แต่ระบบภูมิคุ้มกันก็สามารถสู้กับอาการหวัดหรือโรคหัวใจได้ดีอีกด้วย
  • พึงพอใจ. ไม่ได้หมายความว่าให้คุณพอใจกับชีวิตที่มี (ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ให้เป็นได้แค่ช่วงสั้นๆ นะ) แต่หมายถึงการสร้างความพอใจให้ตัวเอง เช่น ถ้าควบคุมอาหารอยู่ ก็ยอมให้ตัวเองกินอาหารที่อยากกินซักนิดสิ แล้วถ้าการดู the Golden Girls ในคืนวันศุกร์ตลอด 3 ชั่วโมงมันแสนสุขนัก จะรออะไรล่ะ ไม่ว่าสิ่งเล็กน้อยแค่ไหนที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำมัน
  • คิดเล็ก. เราจะหวาดกลัว หงุดหงิด และขี้เกียจเมื่อคิดถึงฝันที่ยังไม่เป็นจริง ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องคิดถึงมันเลย เพราะการคิดแบบสุขภาพดี คือการคิดถึงตอนนี้ เวลานี้ แม้การคิดถึงอนาคตจะเป็นสิ่งที่ดีแต่เราไม่ควรหมกมุ่นกับมันมากเกินไป
  • จัดการกับความเครียด. นี่เป็นปัญหาใหญ่เลย เพราะถ้าความเครียดเข้าครอบงำชีวิตแล้ว ทุกสิ่งก็จะพังเลยล่ะ บ้านวุ่นวาย จิตใจยุ่งเหยิง และความสัมพันธ์ก็จะตึงเครียดอีก เพราฉะนั้นลองหยุดคิดซัก 5 นาที แล้วตระหนักถึงระดับความเครียดที่มีว่าจะจัดการกับมันยังไง จะทำอย่างไรให้สงบและผ่อนคลายลงได้บ้าง
  • เลือกเพื่อนอย่างฉลาด. ถึงเรารู้ว่าจะรู้ว่าใครทำให้เราแย่ แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกับเค้าอยู่ดี เพราะเขามีทีวีสุดเจ๋ง แล้วในที่สุดเราก็เบื่อ โชคร้ายที่แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เราทำเป็นไม่รู้เพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ยุ่งยากเหล่านั้น ทำไมไม่ทำในสิ่งที่ใจต้องการล่ะ เอาแผลพวกนั้นออกไป
  • สร้างสรรค์. ความรู้สึกที่ว่า “วันนี้ฉันทำอะไรไปเยอะเลยล่ะ”มันเป็นสิ่งที่ดีนะ และพอทำแล้วจะหยุดตัวเองไม่อยู่เลย แล้วที่แม่บอกว่า “ถ้าใส่ใจก็ทำได้” มันเป็นเรื่องจริงนะ งั้นก็ลองคิดถึงการทำอะไรยากๆ 
  • พักซะบ้าง. มันเหมือนกับการพึงพอใจ โดยบางครั้งต้องทำอะไรที่เหมาะกับตัวเองซะบ้าง แม้ว่าโลกจะไม่ต้องการก็เถอะ ทำตามที่คิทแคทแท่งนั้นบอกก็ได้ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก “หลับซะ เดี๋ยวก็เช้าแล้ว” พอตื่นมาพลังก็กลับมาเต็มเปี่ยมแล้ว
  • หาจุดที่พอดีของอารมณ์. ถึงจะเข้าใจเรื่องสุขภาพดีแล้วก็เถอะ แต่ถ้าข้างในยังไม่ปกติก็ไม่มีประโยชน์หรอก บางครั้งคนเราก็ต้องการยาบำรุงกำลัง และอีกหลายๆ อย่างที่ทำได้เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น หากปัญหายืดเยื้อก็ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับความเจ็บปวดทางอารมณ์หรือแม้กระทั่งความผิดหวังด้วย

    ที่มา : https://th.wikihow.com

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562


☺☺สร้างแผนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ☺☺



💃ออกกำลังกายแบบผสมผสาน 
แค่วิ่งได้ 8 กิโลเมตรโดยไม่หยุดเลยไม่ได้แปลว่าสุขภาพดีหรอกนะ เช่นเดียวกับการยกน้ำหนักแหละ ถ้าทำแค่อย่างเดียวก็ใช้กล้ามเนื้อได้แค่ส่วนเดียว




💃รักษาน้ำหนักให้เป็นปกติ 
ร่างกายของเราแตกต่างกันทั้งขนาดและน้ำหนัก โดยคนที่ตัวใหญ่หน่อยจะมีน้ำหนักมากกว่าคนตัวเล็กอยู่แล้ว



💃ออกกำลังกายอย่างฉลาด

การเคลื่อนไหวทุกครั้งเสี่ยงที่จะบาดเจ็บได้ เพราะฉะนั้นต้องทำให้ถูก แล้วจะได้ไม่มาบ่นทีหลังว่าการออกกำลังกายเป็นเรื่องแย่

💃รักษารูปร่าง 

มันช่วยลดน้ำหนักและเพิ่มความมั่นใจ เพราะการออกกำลังกายเป็นหลักในการสร้างสิ่งที่ดีๆ ต่อร่างกายและจิตใจ และการมีสุขภาพหัวใจดีจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ 


💃ใช้โอกาสเล็กๆ น้อยๆ ให้เกิดประโยชน์

การเคลื่อนไหวแบบกระฉับกระเฉงไม่ใช่แค่การย่ำบนทางเดินหรือการเข้ายิม แต่มันคือวิถีชีวิตที่อยู่กับเราตลอดเวลา





ที่มา : https://th.wikihow.com

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562


ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=nd-_TNyNa3U


เคล็ดลับสุขภาพดีเริ่มต้นดูแลตัวเองได้ตั้งแต่วันนี้


ดูแลตนเองเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี ถือเป็นกุญแจสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตเรามีความสุข และยังช่วยให้ร่างกายเราห่างไกลจากความเจ็บไข้ได้ป่วยอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้ว...มาเริ่มดูแลสุขภาพของเรากันได้ตั้งแต่วันนี้หลายคนที่ป่วยหนัก หวังแค่ซักวันหนึ่งจะกลับมามีสุขภาพดีได้ แต่เรามักจะมาคิดได้ตอนที่เสียมันไปแล้ว ดังนั้นควรทำตามคำแนะนำต่อไปนี้

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562


💗ทานเพื่อสุขภาพ💗

💋ดื่มน้ำให้มากขึ้น💋
โดยผู้ใหญ่ควรดื่มให้ได้ 2-3 ลิตร หรือประมาณ 8 แก้วต่อวันไม่รวมชากับกาแฟ เพราะน้ำช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายให้ปกติ และขจัดสารพิษ ทำให้เห็นผลต่อระบบเผาผลาญพลังงานและชีวิตที่ดีขึ้น แล้วสุขภาพก็จะดีขึ้นโดยอัตโนมัติเลยล่ะ

💋กินอาหารเช้า💋
แค่อาหารเช้าเบาๆ อย่างพวกโปรตีนไร้มันและธัญพืชเต็มเมล็ดก็ช่วยให้ได้รับประโยชน์เพียงพอแล้ว และยังช่วยให้ไม่หิวกระหายในมื้อถัดไปอีกจากงานวิจัยยังพบอีกว่าผู้ที่ไม่กินมื้อเช้ามักจะกินมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ดังนั้นเพื่อหยุดความอยากอาหารอย่าอดมื้อเช้าเป็นอันขาดล่ะ
💋เลือกกินให้ถูก💋 
ในหนึ่งจานต้องมีผักและผลไม้อยู่ครึ่งหนึ่งแล้วก็เติมพวกโปรตีนไร้มัน นมไขมันต่ำ และธัญพืชเต็มเมล็ดเพิ่มเข้าไปด้วยสิ เมื่อกินแบบนี้จนเป็นนิสัยแล้ว จะรู้สึกสบายตัวขึ้น ถึงจะมีช่วงหนึ่งที่ร่างกายโหยหาของหวานๆ แต่เมื่อผ่านช่วงนั้นไปได้แล้ว คุณจะรู้สึกดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยล่ะ

💋กินให้เป็นเวลา💋
เวลาสำหรับมื้อเย็นที่ดีต่อสุขภาพและย่อยง่ายอยู่ในช่วง 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม นี่น่ะเป็นทางที่ดีที่จะไม่กินขนมมื้อดึกที่เพิ่มแคลอรีแถมยังรบกวนการนอนหลับอีกต่างหาก แต่ถ้าอยากกินจริงๆ ก็เลือกกินพวกถั่วไม่เค็ม เมล็ดต่างๆ แล้วก็ผักผลไม้ละกัน

💋ไม่กินเนื้อสัตว์💋
ถ้าสังเกตดีๆ นะ ก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้พูดถึงเนื้อสัตว์มากเท่าไหร่ จริงๆ แล้วการเป็นมังสวิรัติน่ะเป็นทางที่จะลดปริมาณแคลอรีและรับวิตามินและเกลือแร่เข้าไปได้ดีทางหนึ่งเลยล่ะ แต่ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เพราะถ้าจะเป็นมังสวิรัติเต็มตัว การห้ามกินเนื้อที่ปกติกินเยอะๆ น่ะยากมาก ทางที่ดีลองปรับปริมาณและเปลี่ยนชนิดของเนื้อสัตว์ดูสิ เช่น จากเนื้อหมูมาเป็นเนื้อไก่ และจากเนื้อสเต็กมาเป็นทูน่า

ที่มา : https://th.wikihow.com

สุขภาพดี Health Care